กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ยา สมุนไพร
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ยา กระเพาะปัสสาวะอักเสบ วิธีรักษา กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจาก สมุนไพรที่รักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คืออะไร จากทุกคำถามเหล่านี้ ทางบทความสุขภาพ จึงรู้ว่าเราทุกคนต้องการความรู้ที่ดีเรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เพื่อนำไปปรับใช้กับตัวเองและคนรอบข้าง และทางบทความสุขภาพเราก็จะช่วยท่านหาข้อมูล ครั้งนี้บทความสุขภาพนำเสนอเรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งกล่าวถึงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ยา และวิธีรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ รวมไปถึงสมุนไพรที่ใช้รักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ ให้ในรูปแบบบทความสุขภาพแบบแนวใหม่ของเรา โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่ไม่อันตราย หากเรามีการดูแลรักษาที่ดี และมีความรู้ที่ถูกต้อง
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการ |
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คืออะไร
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ Cystitis หรือ Lower urinary tract infection เป็นโรคที่เกิดจากกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรียจากระบบทางเดินอาหารหรืออุจจาระ ซึ่งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีหลายชนิด เช่น อีโคไล เคล็บซิลลา สูโดโมแนส เอนเทอโรแบกเตอร์ เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ เกือบ100% เกิดจากเชื้อ อีโคไล (E. coli) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่หรือในอุจจาระของเรา
กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคพบบ่อยโรคหนึ่ง พบได้ในทุกอายุ แต่โดยทั่วไปจะพบสูงในช่วงอายุ 20-50 ปี และพบในผู้หญิงบ่อยกว่าในผู้ชายมาก เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าของผู้ชายมาก ดังนั้นเชื้อโรคบริเวณปากท่อปัสสาวะ จึงเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่า นอกจากนั้น รูเปิดของท่อปัสสาวะผู้หญิงยังเปิดใกล้กับช่องคลอด และทวารหนัก จึงทำให้มีโอกาสติดเชื้อทั้งจากช่องคลอด และทั้งจากทวารหนักได้สูงกว่าในผู้ชาย
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เกิดจาก
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักเกิดจากการกลั้นปัสสาวะนานๆ หรือปวดปัสสาวะแล้วไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ ด้วยเหตุผลต่างๆนา ที่บังคับเราให้ไม่ปัสสาวะ โดยปัสสาวะปกติจะประกอบด้วยน้ำ และเกลือ ไม่มีเชื้อโรค ซึ่งการกลั้นไว้นานๆนั้น มีผลทำให้แบคทีเรียที่เข้ามาจากส่วนของอุจจาระเอาชนะกลไกการป้องกันเชื้อโรคบริเวณเยื่อบุผิวของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมีผิวขรุขระ ทำให้มีซุกซอกต่างๆมากมายที่แบคทีเรียจะไปมีชีวิตรอดต่อไป
โดยมีการปริแตกของสารที่ชื่อว่า Glycoaminoglycan (GAG ) บนผิวของผนังกระเพาะอาหาร และเชื้อส่วนใหญ่ คือเชื้อ E.coli ชนิดเดียวกับที่พบในระบบทางเดินอาหาร จากทวารหนักเข้าสู่ท่อปัสสาวะ ท่อปัสสาวะในผู้หญิงมีความยาวเพียง 4 cm ไม่พบโรคนี้บ่อยในเพศชาย เพราะปากท่อทางเดินปัสสาวะของผู้ชายถึงกระเพาะปัสสาวะนั้นอยู่ไกลกว่าผู้หญิงระยะที่เพิ่มมาจากองคชาติ อาจจะพบได้ในคนที่มีลักษณะนิสัยชอบดื่มน้ำน้อย ทำให้ระยะเวลาในการปวดปัสสาวะห่างขึ้น แบคทีเรียจึงมีเวลาในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้น มีมากพอที่จะก่อโรคได้
เชื้อเหล่านี้มักจะแปดเปื้อนอยู่ตรงบริเวณ รอบๆ ทวารหนัก เนื่องจากการชำระหลังถ่ายอุจจาระไม่ถูกต้องสมบูรณ์ เชื้อโรคก็จะแปดเปื้อนต่อผ่านท่อปัสสาวะเข้าในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อเชื้อโรคเข้าไปอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งถ้าถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวด สามารถขับเอาเชื้อโรคนั้นออกมาได้ ไม่เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ แต่ถ้าอั้นปัสสาวะอยู่นาน เชื้อโรคที่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ จะมีเวลานานพอที่จะแบ่งตัวเจริญแพร่พันธุ์ จนทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ เกิดอาการขัดเบาขึ้นมาได้
ด้วยเหตุนี้ โรคนี้จึงมักพบได้ในผู้หญิงทั่วไป ที่ไม่ระมัดระวังในการชำระล้างทวารหนัก และชอบอั้นปัสสาวะ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีโอกาสเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้มากกว่าคนปกติ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ยา |
ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีอะไรบ้าง
ผู้หญิง เสี่ยงกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยเหตุผลทางสรีรวิทยา คือระยะทางจากทางเปิดถึงกระเพาะปัสสาวะมีเพียง 4cm
ผู้สูงอายุ เพราะสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศไม่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ขาดคนดูแล ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว นั่งๆนอนๆ และดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะจึงแช่ค้าง หรือกักคั่งในกระเพาะปัสสาวะ เชื้อโรคจึงเจริญเติบโตได้ดี
การกลั้นปัสสาวะนาน ส่งผลให้ปัสสาวะแช่ค้าง เชื้อโรคในปัสสาวะจึงเจริญเติบโตได้ดี
ดื่มน้ำน้อย จึงส่งผลให้ไม่ค่อยได้ปัสสาวะ ปัสสาวะจึงแช่ค้างได้ง่าย เชื้อโรคในปัสสาวะจึงเจริญได้ดี
โรคเบาหวาน เพราะเป็นโรคก่อการอักเสบติดเชื้อของเนื้อเยื่อต่างๆได้ง่ายรวมทั้งของกระเพาะปัสสาวะ
โรคที่ต้องนั่งๆนอนๆตลอดเวลา เช่น โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์/อัมพาต จะส่งผลให้ปัสสาวะแช่ค้างอยู่นาน
เมื่อต้องใช้สายสวนปัสสาวะ โดยเฉพาะต้องคาสายสวนปัสสาวะนานๆ หรือตลอดเวลา เช่น หลังผ่าตัด หรือ ในโรคอัมพฤกษ์/อัมพาต เพราะกระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะจะเกิดการบาดเจ็บจากสายสวนนั้น จึงติดเชื้อได้ง่าย รวมทั้งอาจติดเชื้อจากเชื้อที่ตัวสายสวนปัสสาวะเองด้วย
มีโรคเรื้อรังของท่อปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะตีบ จากสาเหตุต่างๆ เช่น โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์/ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (เช่น โรคหนองใน โรคหนองในเทียม) จึงมักมีปัสสาวะแช่ค้างในกระเพาะปัสสาวะ แบคทีเรียจึงเจริญเติบโตได้เร็ว
โรคติดเชื้อของไต โรคนิ่ว ทั้ง นิ่วในไต และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์)
หญิงตั้งครรภ์ เพราะการกดเบียดทับของครรภ์ต่อกระเพาะปัสสาวะ มักก่อปัญหาปัสสาวะไม่หมด เกิดปัสสาวะแช่ค้างในกระเพาะปัสสาวะ จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย
ใช้สเปรย์ดับกลิ่นบริเวณอวัยวะเพศ เพราะจะก่อการระคายเคืองเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากช่องคลอด (ในผู้หญิง) เพิ่มโอกาสเกิดการบาดเจ็บและการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ
ผู้หญิงซึ่งใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยยาฆ่าอสุจิ หรือการใช้ฝาครอบปากมดลูก (Diaphragm) เพราะเป็นสาเหตุก่อการระคายเคือง และบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากท่อช่องคลอด ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
ในผู้ชาย มักพบสัมพันธ์กับต่อมลูกหมากโต และ/หรือต่อมลูกหมากอักเสบ ส่งผลให้ปัสสาวะไม่หมด ปัสสาวะจึงแช่ค้างในกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้แบคทีเรียเจริญได้ดี กระเพาะปัสสาวะจึงอักเสบได้ง่าย
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการ
อาการพบบ่อยของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ
ปัสสาวะบ่อย แต่ปัสสาวะครั้งละน้อยๆ
ปวด เบ่ง แสบ โดยเฉพาะตอนสุดปัสสาวะ
ตึง ปวดถ่วง บริเวณท้องน้อย
กลั้นปัสสาวะแล้วไม่นาน จะเริ่มมีอาการปัสสาวะขัด แสบท่อปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยขึ้น
ปวดท้องน้อยเหนือหัวเหน่า ปวดเหมือนปัสสาวะไม่สุดหรืออาจเสียวตอนสุด
ปัสสาวะเป็นเลือด อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า คือ ปัสสาวะสีชมพู หรือเป็นเลือด หรือตรวจพบเม็ดเลือดแดงได้จากการตรวจปัสสาวะ
ปัสสาวะขุ่น (ปัสสาวะปกติต้องใส) หรือ อาจเป็นหนองขึ้นกับความรุนแรงของโรค และ/หรือมีกลิ่นผิดปกติ
มีไข้ มีได้ทั้งไข้สูงและไข้ต่ำ (พบได้บ่อยกว่า) แต่มักไม่มีไข้เมื่อเป็นการอักเสบเรื้อรัง
บางครั้งอาจมีสารคัดหลั่งบริเวณอวัยวะเพศร่วมด้วย เมื่อเกิดจากติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์/โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อาจมีคลื่นไส้อาเจียนได้ เมื่อเป็นการติดเชื้อเฉียบพลัน
อาจมีนิ่วปนออกมาในปัสสาวะ เมื่อเกิดร่วมกับ นิ่วในไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ วิธีรักษา
แนวทาง วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ให้ยาปฏิชีวนะ รักษาสาเหตุปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น รักษาโรค ที่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์/โรคที่ติดต่อมาทางเพศสัมพันธ์ เมื่อสาเหตุนั้นเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงสารอาหารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะปัสสาวะ เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ และการรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น จ่ายยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ
ผู้ที่มีอาการมาก มีไข้สูง ปวดเอวมาก ควรจะรับไว้ในโรงพยาบาล และให้ยาปฏิชีวนะเข้าทางหลอดเลือด และการดื่มน้ำมากๆ เช่น วันละอย่างน้อย 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคที่เราต้องโดนจำกัดน้ำดื่ม เช่น โรคหัวใจล้มเหลว คนทั่วไปมักจะอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังเริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ
ผู้ป่วยที่เป็นหญิงและมีทางเดินปัสสาวะอักเสบซ้ำ Recurrent Infections in Women หมายถึงเป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบมากกว่า 3 ครั้งใน 1 ปี ประมาณว่า 4/5 ของผู้ป่วยจะเป็นทางเดินปัสสาวะอักเสบอีกใน 18 เดือน ดังนั้นจึงต้องป้องกันโดย
รับประทานยา trimethoprim/sulfamethoxazoleเป็นเวลา 6 เดือน
รับประทานยาปฏิชีวนะหลังมีเพศสัมพันธ์
ให้ยาปฏิชีวนะ 1-2 วันเมื่อมีอาการ
ถ้าไม่ดีขึ้นหรือเป็นซ้ำมากกว่า 2-3 ครั้ง หรือเป็นในผู้ชาย ควรส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุโดยการตรวจปัสสาวะ (พบเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก) นำปัสสาวะไปเพาะหาเชื้อ เอกซเรย์ หรือใช้กล้องส่องตรวจระบบทางเดินปัสสาวะ (cystoscope) แล้วให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ยา
ผู้ป่วยที่มีอาการไม่นาน ไม่มีไข้ ไม่ปวดเอว ไม่มีโรคประจำตัว อาจจะเลือกใช้ยา trimethoprim/sulfamethoxazole, amoxicillin, ampicillin, ofloxacin, norfloxacin, ciprofloxacin โดยทั่วไปอาจจะรักษา 1-2 วันก็ทำให้หายได้ แต่แพทย์มักจะแนะนำให้รับประทานยาให้ครบ 7 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าหายขาด การรักษา 1-2 วันไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่เป็นมานาน มีอาการรุนแรง หรือมีโรคประจำตัวเช่นเบาหวาน หรือต่อมลูกหมากโต
ขณะที่มีอาการ ถ้าปวดมากให้ ยาแก้ปวด อย่างเช่น Paracetamol หรือ Ibuprofen จนกว่าอาการจะดีขึ้น
สมุนไพรที่รักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กระเจี๊ยบแดง
สัปปะรด
ตะไคร้
หญ้าคา
ชุมเห็ดไทย
ขลู่
หญ้าหนวดแมว
เถาวัลย์เปรียง
แพทย์วินิจฉัย โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้อย่างไร
แพทย์จะวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบโดย แพทย์วินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้จาก ประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจปัสสาวะ และอาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจเลือด ซีบีซี (CBC) การตรวจเพาะเชื้อจากปัสสาวะ หรือการส่องกล้องตรวจกระ เพาะปัสสาวะ
ถ้าท่านติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบ่อย หรือหลังการรักษาแล้วไม่หาย แพทย์จะตรวจไตโดยการฉีดสีเข้าเส้นเลือด และให้สีขับออกทางไต [intravenous pyelography IVP] หรือนัดตรวจ ultrasound ที่ไตซึ่งจะได้ภาพของไต บางรายแพทย์จะส่งตรวจ cystoscope คือการใช้กล้องส่องเข้าไปดูในกระเพาะปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รุนแรงหรือไม่
โดยทั่วไป กระเพาะปัสสาวะอักเสบเป็นโรคไม่รุนแรง รักษาได้ไม่ยาก แต่ถ้ามีอาการมากและ ไม่พบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง อาจกลายเป็นการติดเชื้อรุนแรงได
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ การลุกลามเป็นการอักเสบของไต ซึ่งเมื่อเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดโรคไตเรื้อรังได้ หรือเมื่อการอักเสบติดเชื้อรุนแรง อาจลุกลามเป็นการอักเสบติดเชื้อในกระแสโลหิต/เลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ / ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด) ซึ่งทั้งสองกรณี เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
ป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบอย่างไร
ดื่มน้ำสะอาดมากๆ อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม เพื่อให้ไตขับปัสสาวะออกมาอย่างสม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำแครนเบอร์รี่
ไม่กลั้นปัสสาวะนาน
พยายามเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ
รักษาควบคุมโรคต่างๆที่เป็นปัจจัยเสี่ยง
ไม่ควรใช้สเปรย์ดับกลิ่นบริเวณอวัยวะเพศ เพราะจะก่อการระคายเคืองเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากช่องคลอด เพิ่มโอกาสเกิดการบาดเจ็บและการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ
ในผู้หญิงเมื่อทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ หรือในการขับถ่าย ต้องทำจากด้านหน้าไปหลังเสมอ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนแบคทีเรียจากปากทวารหนักสู่ปากช่องคลอดและปากท่อปัสสาวะซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะได้
ในผู้หญิง ไม่ใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยยาฆ่าอสุจิ หรือการใช้ฝาครอบปากมดลูก (Diaphragm) เพราะเป็นสาเหตุก่อการระคายเคือง และบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากท่อช่องคลอด ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ลดโอกาสติดเชื้อรุนแรง และลดเชื้อแพร่ไปสู่ผู้อื่น
การอาบน้ำในอ่าง อาจเพิ่มโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ให้ใช้ฝักบัวอาบน้ำ
เข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายปัสสาวะให้เร็วที่สุดก่อนและหลังจากมีเพศสัมพันธ์เพื่อขับเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายที่อาจเข้ามาในท่อปัสสาวะเมื่อขณะมีเพศสัมพันธ์
ใช้สารหล่อลื่นเพิ่มเติมในขณะมีเพศสัมพันธ์หากมีอาการช่องคลอดแห้ง
ในช่วงเริ่มแรกของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักมีอาการปวดและรู้สึกไม่สบายตัวอย่างรุนแรง อาจใช้วิธีเข้านอนพร้อมทั้งใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบเพื่อบรรเทาอาการไปก่อนก็ได้
หากรู้สึกว่าเริ่มมีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรีบดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ไตขับปัสสาวะออกมามากๆ และไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้