โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS กล้ามเนื้ออ่อนแรง ice bucket

Edit


โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS กล้ามเนื้ออ่อนแรง ice bucket

 

     บทความสุขภาพเราคิดว่าหลายท่านคงเคยตามกระแส ice bucket ที่มีการเอาถังน้ำแข็งเย็นมาราดตัวเองกันใช่ไหมครับ และจะมีการท้าหรือส่งต่อไปให้เพื่อนหรือผู้อื่นทำต่อ อีกทั้งยังมีการบริจาคเงินต่างๆ พวกเขาทำเพื่ออะไร ตามกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์คใช่หรือไม่ ในบทความนี้จะมาแถลงไขให้กระจ่างทุกคำถาม และได้ไปทำความรู้จักกับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือ ALS อาการ การรักษา ทั้งหมดทั้งมวล ตามไปดูกันเลยครับ 

 

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

 

     โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) คือโรคการเสื่อมสลายของประสาทที่ไม่มียารักษา ป่วยแล้วเสียชีวิตได้ภายใน 2-5 ปี ทำให้คนทั่วโลกร่วมท้าภารกิจ 'Ice BucketChallenge' เพื่อร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือ

 

     กลายเป็นกระแสไปทั่วโลก เมื่อสมาคมผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (ALS Assocition) เดินหน้าท้าคนดังทั่วโลกทำภารกิจ 'Ice BucketChallenge' เทน้ำเย็นเจี๊ยบราดทั้งตัวจนหนาวสั่น พร้อมบริจาคเงินตามศรัทธาให้มูลนิธิใด ๆ ก็ได้ตามชอบ และส่งคำท้าให้เพื่อนต่ออีก 3 คน ทำตามภายใน 24 ชั่วโมง หากใครไม่ทำตามจะต้องบริจาคเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,000 บาท) เข้ากองทุนสมาคมผู้ป่วยโรคเอแอลเอสแทน เพื่อที่สมาคมจะนำไปทำวิจัย ให้การรักษาผู้ป่วย และสนับสนุนการต่อสู้กับโรคนี้ในด้านต่าง ๆ


     และแน่นอนว่า กระแสนี้ก็มาถึงคนดังในประเทศไทยด้วย โดยหลายคนพากันติดแฮชแท็ก 'Ice BucketChallengeTH' และส่งคำท้าภารกิจต่อกันมากมาย แต่นอกเหนือจากการวัดใจภารกิจและความสนุกสนานกับกระแสที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้ก็คือ จุดประสงค์หลักของภารกิจนี้ที่มีขึ้นเพื่อให้คนรู้จักและตระหนักถึงอันตรายของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (ALS) โรคที่สร้างความทรมานให้ผู้ป่วยเป็นอย่างยิ่งก่อนจะเสียชีวิต ถึงเวลาที่เราจะไปทำความรู้จักโรคนี้กันสักครั้ง

 

กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กล้ามเนื้ออ่อนแรง


โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS คือ

 

     โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALSนั้น คำว่า 'ALS' ย่อมาจาก Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) ไม่จัดว่าเป็นโรคของกล้ามเนื้อโดยตรง แต่เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือความผิดปกติของเซลล์ประสาทนำคำสั่ง จึงทำให้กล้ามเนื้อตามแขนและขาอ่อนแรงลง กลืนลำบาก พูดไม่ชัด โดยเซลล์เหล่านี้มีอยู่ในไขสันหลังและสมอง เมื่อเซลล์เสื่อม มันจะค่อย ๆ ตายไปในที่สุด 

 

     ในทางการแพทย์อาจเรียกชื่อโรคนี้อีกชื่อว่า 'โรคของเซลล์ประสาทนำคำสั่ง' (motor neuron disease; MND) หรือ 'โรคเซลล์ประสาทนำคำสั่งเสื่อม' ขณะที่ในสหรัฐอเมริกาจะรู้จักกันดีในชื่อว่า 'Lou Gehrig's Disease' (ลู-เก-ริก) ซึ่งตั้งชื่อโรคตามชื่อนักเบสบอลที่มีชื่อเสียงที่เป็นโรคนี้ในปี ค.ศ. 1930


กลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS 

 

     จากสถิติทั่วโลก พบว่า มีผู้ป่วยโรคนี้ไม่มากนัก โดยในประชากร 100,000 คน จะพบคนป่วยโรคนี้เพียง 4-6 คนเท่านั้น ขณะที่ในประชากร 100,000 คน จะมีโอกาสพบผู้ป่วยรายใหม่ เพียง 1.5-2.5 คนต่อปีเท่านั้น โดยพบในผู้ที่มีอายุมากมากกว่าในคนอายุน้อย เพราะอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยโรคนี้อยู่ระหว่าง 60-65 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 1.5 เท่า

 

     อย่างไรก็ตาม จากประวัติผู้ป่วยโรคALS ร้อยละ 90 ยังไม่พบข้อมูลที่แน่ชัดโรคนี้เกี่ยวข้องกับทางพันธุกรรม แต่ที่ผ่านมา มักพบนักกีฬาที่ต้องมีการปะทะป่วยเป็นโรคนี้กันมาก เช่น นักเบสบอล นักฟุตบอล แม้กระทั่งนักมวย อย่าง 'พเยาว์ พูลธรัตน์' วีรบุรุษผู้คว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกเป็นคนแรกให้กับประเทศไทย ก็ต้องจบชีวิตลงด้วยโรคนี้

 

ALS

ALS

 

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS มีอาการอย่างไร 

 

     จากชื่อโรคก็พอจะทราบอยู่แล้วว่า ผู้ป่วยเอแอลเอสจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยจะเริ่มอ่อนแรงตามมือ แขน ขา หรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน เช่น เดินแล้วล้มบ่อย สะดุดบ่อย ยกแขนไม่ขึ้น กำมือถือของไม่ได้ หยิบจับของเล็ก ๆ ได้ลำบาก ลุกนั่งลำบาก ใส่รองเท้าแตะแล้วหลุดง่าย  

 

     จากนั้นอาการจะเริ่มหนักขึ้นจนลามไปทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้อลีบ หรือกล้ามเนื้อเต้นร่วมด้วย หากเป็นนานเข้าจะมีอาการกลืนอาหารลำบาก สำลักง่าย พูดไม่ชัด พูดเหมือนลิ้นแข็ง ลิ้นลีบ แขนขาลีบ แต่จะไม่มีอาการชา ยังสามารถกลอกตาไปมาได้ กลั้นปัสสาวะ-อุจจาระได้ตามปกติ และมีสติสัมปชัญญะดี


     อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยหลายรายไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเอง และปล่อยอาการต่าง ๆ ไว้นาน เพราะคิดว่าเป็นโรคอื่น กว่าจะมาพบแพทย์ก็มีอาการหนักแล้วคือกล้ามเนื้อไปอ่อนแรงที่ระบบหายใจ เช่น กระบังลมอ่อนแรง จนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เพราะมีอาการเหนื่อยง่าย โดยเฉพาะเวลานอนราบหรือมีอาการต้องตื่นกลางดึก เพราะมีอาการเหนื่อย หอบ หายใจลำบาก สุดท้ายจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย และไม่สามารถกลืนอาหารและน้ำได้ด้วย ต้องให้อาหารทางสายยางผ่านจมูกหรือทางหน้าท้อง และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

 

     สุดท้ายแล้ว หากอาการหนักมาก ๆ ผู้ป่วยจะเสียชีวิตในที่สุด เพราะระบบหายใจล้มเหลว และเกิดการติดเชื้อในปอด เพราะสำลักน้ำและอาหาร ระยะเวลาโดยเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มมีอาการจนถึงเสียชีวิต อาจกินเวลาตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี อย่างไรก็ตามผู้ป่วยบางรายอาจมีการดำเนินโรคสั้นหรือยาวกว่านี้ได้ โดยผู้ป่วยที่มีแนวโน้มเสียชีวิตเร็ว ได้แก่ ผู้ป่วยเพศหญิง ผู้ป่วยที่เริ่มเป็นโรคเมื่ออายุมากแล้ว หรือมีอาการกลืนลำบาก สำลักง่าย และพูดไม่ชัดเป็นอาการนำ


โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS รักษาได้หรือไม่

 

     ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคALSให้หายขาด โดยร้อยละ 50 ของผู้ป่วยเอแอลเอส โดยเฉลี่ยจะเสียชีวิตหลังจากมีอาการในระยะเวลาประมาณ 2 ปี มีประมาณร้อยละ 50 ที่จะมีชีวิตอยู่ได้ราว ๆ 5 ปี และมีแค่ร้อยละ 10 เท่านั้นที่อาจมีชีวิตอยู่ได้ 8-10 ปี


     อย่างไรก็ตาม ยังมียาชนิดหนึ่งที่ได้รับการยอมรับโดยองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อว่า ไรลูโซล (Riluzole) ให้สามารถใช้กับผู้ป่วยโรคนี้ได้ เพราะยาจะไปออกฤทธิ์ต่อต้านสารกลูตาเมต ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งที่ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้เกิดการตายของเซลล์ ยาตัวนี้จึงจะไปช่วยลดการทำลายเซลล์ประสาทในไขสันหลังและสมองได้ แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถช่วยทำให้อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงดีขึ้น ทำได้เพียงช่วยยืดอายุของผู้ป่วยออกไปได้อีกราว ๆ 3-6 เดือน


     เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว แพทย์จึงต้องรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดน้ำลาย ยาแก้อาการท้องผูก ทำกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด การฝึกพูด ฝึกกลืน หากผู้ป่วยกลืนอาหารไม่ได้ก็ต้องใส่สายยางให้อาหาร และถ้าเหนื่อยหอบ หายใจเองไม่ได้ แพทย์ก็จะใช้เครื่องช่วยหายใจอีกทาง

 

ice bucket

ice bucket

 

การรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS

 

     ผู้ป่วยโรคนี้นอกจากจะทานยาตามแพทย์สั่งแล้ว ยังต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอ  ทำกิจกรรมและทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อส่วนที่อ่อนแรง เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งานนาน ๆ ฝ่อลีบลง ป้องกันแผลกดทับ และป้องกันการติดของข้อ โดยสามารถกลับไปดูแลที่บ้านได้ แต่ทางครอบครัวต้องมีความพร้อมในการให้อาหารทางสายยาง ดูแลเรื่องการขับถ่าย ฯลฯ


     สิ่งสำคัญก็คือ ผู้ป่วยโรคนี้จะมีความเครียดง่าย เพราะรู้ดีว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ ทำได้เพียงประคับประคองอาการ อีกทั้งยังได้รับความทุกข์ทรมานจากโรค ทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม้สมองจะยังรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น ครอบครัวจึงเป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้ป่วยยอมรับและเข้าใจกับโรคนี้ เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขได้มากที่สุด

 

     โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS ที่ได้กล่าวไปนี้ เป็นโรคที่อันตราย ตายอย่างเดียว จึงต้องอาศัยการดูแลใกล้ชิดจากคนที่ผู้ป่วยต้องการกำลังใจ หากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจอ่อนแรง ก็ทำให้เสียชีวิต ฉะนั้นเราควรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เท่าที่เราช่วยได้ มีอะไรก็ช่วยกัน ไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ ขอให้ทุกท่านเข้าใจ ice bucket challenge กับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS ดังบทความนี้นะครับ ต่อไปบทความสุขภาพจะเสนออะไร คอยติดตามให้ได้นะครับ